ราพันเซล (เยอรมัน: Rapunzel) คือเทพนิยายเยอรมัน ได้ถูกเก็บรวบรวมโดยพี่น้องตระกูลกริมม์ ลงพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2355[1] ราพันเซลเป็นหนึ่งในเทพนิยายที่มีชื่อเสียง และเนื่อเรื่องได้ถูกการนำไปใช้ในการแสดงโดยนักวาดการ์ตูน และนักแสดงตลกมากมาย
กอเธลลักพาตัวราพันเซลไปซ่อนไว้ในหอคอยสูงกลางป่า แล้วเลี้ยงดูประดุจบุตรในอุทร เพื่อใช้ผมของราพันเซลช่วยให้นางคงความเยาว์วัยและสวยสด นางทราบดีว่า ถ้าตัดผมของราพันเซลออก ผมนั้นจะเสื่อมสรรพคุณ ดังนั้น นางจึงปล่อยให้เกศาของราพันเซลยาวโดยมิได้ตัดเลย และมิให้ราพันเซลออกนอกหอคอยเลย ทั้งนี้ ทุก ๆ ปี ในวันคล้ายวันประสูติของราพันเซล พระราชาและราษฎรของพระองค์จะปล่อยโคมลอยนับแสนดวงขึ้นสู่ฟ้า พวกเขาหวังว่าโคมลอยจะนำพาพระธิดาของพวกเขากลับมาอีกครั้ง
เช้าวันหนึ่งเมื่อกอเธลกลับมา ราพันเซลขอให้นางไปเก็บเปลือกหอยมาให้เป็นของขวัญวันเกิดกอเธลยอมใช้เวลาเดินทางสามวันไปเอาของขวัญมาให้ ระหว่างนั้น ราพันเซลตกลงกับฟลินว่า ให้พาเธอออกไปนอกหอคอย เพื่อไปชมดูเหล่าโคมลอย ที่เธอเข้าใจว่าเป็น "หมู่ดาว"ระหว่างเดินทาง กอเธลพบม้าแม็กซิมัสที่ไม่มีคนขี่ และเกิดกังวลขึ้นมาว่าจะมีคนไปพบราพันเซลขึ้น เธอรีบกลีบไปยังหอคอย แต่พบว่าราพันเซลไม่อยู่แล้ว ฟลินพาราพัลเซลหนีไปได้ พอไม่นานราพัลเซลก็ถูกกอเธลจับตัวไปเมื่อฟลินมาถึงหอคอย กอเธลแทงเขาจากข้างหลัง ก่อนราพันเซลจะได้ช่วยฟลิน ฟลินคว้าเศษกระจกมาตัดผมของราพันเซล เกศาของราพันเซลจึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มและสูญเสียสรรพคุณไป กอเธลบันดาลโทสะและร่างกายนางก็เปลี่ยนกลับสู่ความชราอย่างรวดเร็ว จนนางมิอาจยอมรับเงาของตนในกระจกได้ และใช้ผ้าคลุมปิดหน้าตนเองไว้ ด้วยความโกรธและตระหนก นางสะดุดพุ่งออกจากประตูหอคอย ดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่าง ร่างกายของนางก็ร่วงโรยขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนนางจะปะทะกับพื้นแล้วป่นเป็นเถ้ากระดูกไป ฟลินค่อย ๆ ตายลงในอ้อมแขนของราพันเซล ด้วยความเสียใจ ราพันเซลร้องไห้และร้องเพลงมนต์ หยาดน้ำตาของเธอหยดลงบนแก้มของฟลินและยังให้เขาฟื้นจากความตายอีกครั้ง
เช้าวันหนึ่งเมื่อกอเธลกลับมา ราพันเซลขอให้นางไปเก็บเปลือกหอยมาให้เป็นของขวัญวันเกิดกอเธลยอมใช้เวลาเดินทางสามวันไปเอาของขวัญมาให้ ระหว่างนั้น ราพันเซลตกลงกับฟลินว่า ให้พาเธอออกไปนอกหอคอย เพื่อไปชมดูเหล่าโคมลอย ที่เธอเข้าใจว่าเป็น "หมู่ดาว"ระหว่างเดินทาง กอเธลพบม้าแม็กซิมัสที่ไม่มีคนขี่ และเกิดกังวลขึ้นมาว่าจะมีคนไปพบราพันเซลขึ้น เธอรีบกลีบไปยังหอคอย แต่พบว่าราพันเซลไม่อยู่แล้ว ฟลินพาราพัลเซลหนีไปได้ พอไม่นานราพัลเซลก็ถูกกอเธลจับตัวไปเมื่อฟลินมาถึงหอคอย กอเธลแทงเขาจากข้างหลัง ก่อนราพันเซลจะได้ช่วยฟลิน ฟลินคว้าเศษกระจกมาตัดผมของราพันเซล เกศาของราพันเซลจึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มและสูญเสียสรรพคุณไป กอเธลบันดาลโทสะและร่างกายนางก็เปลี่ยนกลับสู่ความชราอย่างรวดเร็ว จนนางมิอาจยอมรับเงาของตนในกระจกได้ และใช้ผ้าคลุมปิดหน้าตนเองไว้ ด้วยความโกรธและตระหนก นางสะดุดพุ่งออกจากประตูหอคอย ดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่าง ร่างกายของนางก็ร่วงโรยขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนนางจะปะทะกับพื้นแล้วป่นเป็นเถ้ากระดูกไป ฟลินค่อย ๆ ตายลงในอ้อมแขนของราพันเซล ด้วยความเสียใจ ราพันเซลร้องไห้และร้องเพลงมนต์ หยาดน้ำตาของเธอหยดลงบนแก้มของฟลินและยังให้เขาฟื้นจากความตายอีกครั้ง
ทั้งสองกอดและจูบกัน แล้วพากันกลับอาณาจักร พระหทัยของราชาและราชินีนั้นล้นไปด้วยน้ำตาของความปีติที่ได้พบพระธิดาอีกครั้ง หลายปีต่อมา ฟลินและราพันเซลได้สมรสกัน
ที่มา http://th.wikipedia.org/
ที่มา http://th.wikipedia.org/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น